หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการจัดการเทคโนโลยี

ทำไมต้องเรียน บธ.บ. หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการจัดการเทคโนโลยี ?

ในยุคที่โลกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เทคโนโลยี และนวัตกรรม ธุรกิจใดที่ไม่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ย่อมถูกแทนที่อย่างไร้ความปรานี การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) จึงไม่ใช่ “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่เป็น “ข้อบังคับ” ของการอยู่รอดและเติบโตในระบบเศรษฐกิจโลกที่ไร้พรมแดน

หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการจัดการเทคโนโลยี คือหลักสูตรเดียวที่ตอบโจทย์ “ภาวะจริง” ของโลกธุรกิจในศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง

• คุณจะไม่ใช่เพียง “ผู้บริหาร” แบบเดิม แต่คุณจะเป็น ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Leader) ที่สามารถวางกลยุทธ์ สร้างนวัตกรรม และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
• คุณจะไม่หยุดแค่ “เข้าใจธุรกิจ” แต่คุณจะ เข้าใจกลไกเบื้องหลังเทคโนโลยี ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโซลูชันดิจิทัล ไปจนถึงการขยายตลาดด้วยนวัตกรรม
• คุณจะพร้อมทำงานในสภาพแวดล้อมระดับสากล ด้วยทักษะ Global-Ready Skills และวิสัยทัศน์ระยะยาว เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรข้ามชาติและเศรษฐกิจใหม่ของโลก

ในขณะที่หลายองค์กรกำลังเผชิญ “ภาวะวิกฤต” จากการขาดผู้นำด้านดิจิทัล ประเทศไทยเองกำลังขาดแคลนบุคลากรด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างรุนแรง (ข้อมูลจากแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)
การจบจากหลักสูตรนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการ “หางานได้ง่าย” แต่คือการก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้ที่ตลาดแรงงานแย่งตัว” และ “ผู้กำหนดทิศทางเศรษฐกิจยุคใหม่”

ทำไมต้องเรียน บธ.บ. หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการจัดการเทคโนโลยี ที่ สจล. ?

เพราะเหตุใดต้องเรียน “หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการจัดการเทคโนโลยี ที่คณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL)

1. หลักสูตรตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงโลกยุคดิจิทัลโดยตรง

ในยุคที่เทคโนโลยีพลิกโฉมเศรษฐกิจและธุรกิจ (Disruptive Technologies) เช่น AI, Cloud Computing, IoT และ Blockchain การดำเนินธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยผู้นำที่เข้าใจทั้งการบริหารธุรกิจและการจัดการเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง หลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อพัฒนาบัณฑิตที่สามารถนำพาองค์กรก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ

2. หลักสูตรบูรณาการ “ธุรกิจ + เทคโนโลยี” อย่างแท้จริง

เนื้อหาหลักสูตรเน้นทั้ง “การบริหารธุรกิจยุคใหม่” และ “การจัดการเทคโนโลยีดิจิทัล” ผสานความรู้ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ระบบสารสนเทศ การบริหารโครงการเทคโนโลยี และการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

3. พัฒนาทักษะจริง ผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์

หลักสูตรเน้นการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริง (Learning by Doing) เช่น โครงงานกลุ่ม ฝึกงานจริง และการทำโครงการในโลกธุรกิจจริง เพื่อสร้างความพร้อมในการทำงานทันทีหลังจบการศึกษา

4. เตรียมพร้อมสู่การทำงานระดับสากล (Global-Ready Skills) ตามมาตรฐาน KMITL

เน้น 5 มิติสำคัญ คือ

– Global Citizen (ทักษะจริยธรรมดิจิทัล)

– Global Innovation (เข้าใจเทคโนโลยีใหม่)

– Global Management (การจัดการข้ามวัฒนธรรม)

– Global Infrastructure (การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนานาชาติ)

– Global Learning (เรียนรู้ตลอดชีวิต).

5. รองรับนโยบายระดับชาติ เช่น ไทยแลนด์ 4.0 และอุตสาหกรรม S-Curve

หลักสูตรนี้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาดิจิทัลของรัฐบาลไทย มุ่งผลิตกำลังคนที่มีทักษะสูง รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต.

6. โอกาสอาชีพกว้างขวางและมีความต้องการสูง

บัณฑิตสามารถทำงานในหลากหลายสายงานที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น

– Digital Transformation Consultant

– Business Technology Analyst

– Data Analytics Specialist

– Digital Business Developer

– Tech Startup Entrepreneur.

7. เรียนรู้กับหนึ่งในสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ

KMITL มีจุดแข็งด้านวิศวกรรม เทคโนโลยี และการบริหารธุรกิจ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเป็น “นักบริหารยุคใหม่ที่เข้าใจเทคโนโลยี” อย่างแท้จริง.

โอกาสในการหางาน

มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการจัดการเทคโนโลยีที่มีวิสัยทัศน์ จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการจัดการเทคโนโลยี (BBA in Digital Transformation and Technology Management) มุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ ทักษะ และความสามารถที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล บัณฑิตของหลักสูตรจะสามารถ

• วิเคราะห์และแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
• ออกแบบ พัฒนา และนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ
• จัดการโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ซับซ้อนและนำไปสู่ความสำเร็จ
• สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับบุคคลทางเทคนิคและผู้ใช้ที่ไม่ใช่ทางเทคนิค
• นำหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคมมาใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ

หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้เชิงรุก โดยนักศึกษาจะได้รับการสนับสนุนให้นำความรู้ไปใช้จริงผ่านโครงการ การฝึกอบรม และกิจกรรมการเรียนรู้ประสบการณ์ ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา เพื่อให้นักศึกษาพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อน คิดหาวิธีแก้ไข การตัดสินใจ และการสร้างทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยนักศึกษาจะพัฒนาทักษะการสื่อสารทั้งทางวาจา การเขียน การสื่อสารที่ไม่ใช้คำพูด และการฟัง เพื่อสื่อสารความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังมุ่งพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีมโดยนักศึกษาจะพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน รวมถึงความเป็นผู้นำ โดยนักศึกษาจะพัฒนาทักษะเรียนรู้วิธีการเป็นผู้นำและจูงใจผู้อื่น

อาชีพที่สามารถประกอบได้หลังสำเร็จการศึกษา

1. ผู้บูรณาการระบบ / นักวิเคราะห์การบูรณาการระบบ (System Integration Analyst/Consultant) โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญในการนำระบบเทคโนโลยีต่างๆ มาเชื่อมต่อและทำงานร่วมกัน เช่น

– ระบบฐานข้อมูล

– ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning)

– ระบบ CRM (Customer Relationship Management)

– ระบบเครือข่าย

– ระบบความปลอดภัย

– ระบบคลาวด์

2. ที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation Consultant)
3. นักวิเคราะห์ธุรกิจดิจิทัลและเทคโนโลยี (Business Technology Analyst)
4. นักวิเคราะห์และพัฒนากระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Analyst)
5. นักวิเคราะห์ข้อมูลและการวิเคราะห์ดิจิทัล (Data and Digital Analytics Analyst)
6. นักวิเคราะห์โครงการเทคโนโลยี (Technology Project Analyst)
7. นักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Business Relationship Analyst)
8. นักวิเคราะห์และออกแบบระบบธุรกิจดิจิทัล (Digital Business Analyst and Designer)
9. นักวิเคราะห์การพัฒนาธุรกิจดิจิทัล (Business Development Analyst – Digital Focus)
10. นักวิเคราะห์และออกแบบประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัล (Digital Customer Experience Analyst and Designer)
11. นักวิเคราะห์ประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัล (Customer Experience Analyst – Digital Platforms)
12. นักวิเคราะห์การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Analyst)
13. ผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี (Tech Startup Entrepreneur)
14. ผู้ประสานงานธุรกิจดิจิทัลและการติดตั้งระบบ (Digital Business Coordinator and Implementer)

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถพัฒนาตนเองสู่ตำแหน่งผู้จัดการ (Manager) ในสายงานต่างๆ ข้างต้นได้เมื่อมีประสบการณ์การทำงาน 3-5 ปี ส่วนบัณฑิตอาจเริ่มต้นในตำแหน่งผู้ช่วย (Assistant) หรือนักวิเคราะห์ระดับต้น (Junior Analyst) ในบางองค์กร ก่อนพัฒนาสู่ตำแหน่งนักวิเคราะห์เต็มตัว (Analyst) และผู้จัดการ (Manager) ตามลำดับ​​​​​​​​​​​​​​​​